เมื่อพูดถึงประเทศในลิสต์ของการท่องเที่ยวของใครหลาย ๆ คน เชื่อว่าจะต้องมีประเทศนอร์เวย์อยู่เป็นแน่ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดในโลก นอกจากความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างภูเขา ธารน้ำแข็ง หมู่เกาะแล้ว เรื่องสถาปัตยกรรมของสถานที่ต่าง ๆ ก็มีความโดดเด่น อีกทั้งสิ่งแวดล้อม อากาศบริสุทธิ์ การคมนาคม ความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ ก็ยังดีมากอีกด้วย ทัวร์นอร์เวย์ จึงกลายเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่อยากจะลองมาสัมผัสด้วยตัวเองกันดูสักครั้งในชีวิต
นอร์เวย์ หรือชื่ออย่างเป็นทางการ ราชอาณาจักรนอร์เวย์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบยุโรปเหนือ หรือกลุ่มนอร์ดิก และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่เรียกว่าสแกนดิเนเวีย โดยที่นอร์เวย์นั้นมีพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งมากกว่าครึ่งของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภูเขาสูง ที่จะมีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี นอกจากนี้คุณจะได้ชมฟยอร์ด ซึ่งเป็นบริเวณชายฝั่ง หรืออ่าวที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง กัดเซาะเข้าไปจนเป็นบริเวณชายฝั่งที่สวยงาม และที่นอร์เวย์ก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของหมู่เกาะ อย่างหมู่เกาะโลโฟเทนที่มักปรากฏอยู่ในโปสการ์ดการท่องเที่ยว
แสงเหนือ (Aurora)
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้เห็นแสงสว่างจากท้องฟ้าในยามค่ำคืน ทั้งสีเขียว สีฟ้า สีแดง สีม่วง และสีชมพู โดยแสงเหล่านี้จะเห็นได้ในบริเวณใกล้ขั้วโลก ซึ่งไม่เพียงแต่ขั้วโลกเหนือเท่านั้น ยังสามารถเห็นได้ที่ขั้วโลกใต้อีกด้วย ซึ่งจะเรียกกันว่าแสงใต้นั่นเอง ในความเป็นจริงแล้วแสงเหนือนั้นมีการเกิดขึ้นตลอดทั้งปี แต่ด้วยช่วงระยะเวลากลางวันกลางคืนที่สั้นยาวไม่เท่ากัน บางเดือนมีช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานกว่า ก็ทำให้แสงเหนือนั้นไม่ปรากฏให้เห็น ช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่าแสงเหนือนั่นก็คือช่วงฤดูหนาว ที่มีกลางคืนยาวนานกว่า โดยสามารถไปล่าแสงเหนือได้ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน โดยเมืองที่ผู้คนนิยมไปล่าแสงเหนือกันอยู่ที่เมืองทรอมโซ
พระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun)
ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มักจะเกิดในพื้นที่ใกล้ขั้วโลกเหนือ บนดินแดนที่อยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลอีกปรากฏการณ์หนึ่ง โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนนั่นคือพระอาทิตย์เที่ยงคืน หรืออาจจะเรียกอีกชื่อว่า Polar Day ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กลางวันนั้นยาวนานกว่ากลางคืน จนถึงเวลาเที่ยงคืนก็ยังคงสว่าง และเห็นพระอาทิตย์อยู่บนท้องฟ้า โดยจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของทางยุโรปในทุก ๆ ปี ช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม โดยเมืองที่ผู้คนมักไปชมวิวพระอาทิตย์เที่ยงคืนกันได้แก่เมืองทรอมโซ และนอร์ทเคป
นอกจากไฮไลต์การล่าแสงเหนือในฤดูหนาว และการชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อนแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจให้ทำอีกเพียบ โดยในฤดูหนาวผู้คนมักจะมาเล่นสกีกลางลานสกีน้ำแข็งธรรมชาติ การขับรถลุยหิมะ หรือนั่งรถเลื่อนเป็นต้น ส่วนในฤดูร้อนก็ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งอีกมากมาย ทั้งพายเรือ เดินเขา อีกทั้งช่วงเวลากลางวันยังยาวนาน ทำให้เที่ยวกันได้ยาวนานขึ้น ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ การล่องเรือชมฟยอร์ดคือสิ่งที่ห้ามพลาด เพราะเป็นช่วงที่น้ำแข็งนั้นเริ่มละลาย และในฤดูใบไม้ร่วงการนั่งรถไฟชมธรรมชาติฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนเลย
เสน่ห์ของนอร์เวย์ และจุดมุ่งหมายของการมา ทัวร์นอร์เวย์ ของหลาย ๆ คนนั้นคงจะเป็นธรรมชาติที่มีความงดงาม และมีความมหัศจรรย์แบบหาจากที่ไหนไม่ได้ นอกจากธรรมชาติแล้ว สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ของที่นอร์เวย์ ก็น่าไปสัมผัสอีกเช่นกัน ซึ่งในวันนี้เราก็ได้รวบรวมมาให้ทุกท่านถึง 10 สถานที่ด้วยกัน ได้รับชมแล้วจะต้องอยากไปสีมผัสด้วยตนเองแน่นอน
หมู่เกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของทัศนียภาพที่สวยงาม เหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนดิสนีย์ชื่อดังอย่างเรื่องโฟรเซ่นเลย ที่นี่มีหมู่บ้านชาวประมงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นรวมกันอยู่หลายหมู่บ้าน โดยยังมีการทำประมงปลาค็อดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดกันอยู่ เมื่อเข้าไปเยือนในแถบนี้ก็มักจะเห็นปลาค็อดตากแห้งที่ตากอยู่เรียงราย หมู่บ้านชาวประมงในแถบนี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่บ้านเรือนสีสันต่าง ๆ โดยเฉพาะสีแดงและสีเหลือง และยังมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณะ ที่ปัจจุบันนี้ก็ได้ปรับปรุง พัฒนามาเป็นโรงแรม บ้านพักตากอากาศให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปพักได้ หากมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งการตกปลา พายเรือคายัค ล่องเรือสำรวจไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ
ขบวนรถไฟที่จะนำคุณเข้าสู่หมู่บ้านฟลัม เมืองที่ล้อมรอบไปด้วยหุบเขา ที่ให้คุณสามารถดื่มด่ำไปกับธรรมชาติได้ตลอดเส้นทาง โดยรถไฟสายนี้ถูกจัดว่าเป็นรถไฟชมวิวที่ดีที่สุด และสวยที่สุด จนใคร ๆ ก็ขนานนามว่านี่คือรถไฟสายโรแมนติก นอกจากวิวข้างทางแล้ว ตัวรถไฟเองก็มีความสวยงาม คลาสสิก โดยถูกตกแต่งออกมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงกลิ่นอายรถไฟเก่า ๆ และเพื่อแสดงถึงประวัติศาสตร์ของรถไฟในนอร์เวย์ หากต้องการสัมผัสกับธรรมชาติ หรือชมเมืองต่าง ๆ จะต้องลองมานั่งรถไฟสายนี้กันดูสักครั้ง
หลังจากนั่งรถไฟสายฟลัมสบานามายังหมู่บ้านฟลัมแล้ว จุดหมายปลายทางที่ผู้คนมาเยือนที่นี่คือการชมซองเนฟยอร์ด ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่ยาว และลึกที่สุดในนอร์เวย์ โดยบริเวณที่ลึกที่สุดนั้นลึกลงไปถึง 1,300 เมตร โดยฟยอร์ดแห่งนี้มีความยาวคดเคี้ยวเข้าไปในแผ่นดิน เมื่อนั่งเรือเข้าไปชมก็ทำให้คุณได้เห็นธรรมชาติทั้งสองข้างทาง บรรยากาศอันมีชีวิตชีวา รวมทั้งยังได้ชมหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่
ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นฟยอร์ดที่สวยงามที่สุดในโลก และยังได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย โดยฟยอร์ดแห่งนี้มีความยาวประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในฟยอร์ดที่มีนักท่องเที่ยวมาชมกันมากที่สุดของประเทศ โดยจุดเด่นของฟยอร์ดแห่งนี้ที่ให้ชมความสวยงามของสองข้างทางคือมีน้ำตกเซเว่นซิสเตอร์ (Seven Sisters Waterfall) ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความงดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
นอร์ทเคป หรือในชื่อไทยคือแหลมเหนือ เป็นแหลมที่อยู่บนเกาะมาเกโรยา ที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน โดยนอกจากการไปรอชมพระอาทิตย์กันแล้ว ที่นี่ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์แสดงนิทรรศการประวัติของแหลมเหนือ โดยแหลมเหนือยังมีสิ่งที่เชื่อมโยงกับคนไทยคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ไปเยือนที่แหลมเหนือ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 ซึ่งในพิพิธภัณฑ์ก็มีพระราชประวัติในการเยือนอีกด้วย
เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศนอร์เวย์ และยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย โดยที่นี่เป็นเมืองที่มีท่าเรือใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ทำให้กลายเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีย่านท่าเรือเก่าคือบรีเกน ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ โดยที่มีบ้านเรือนอาคารไม้ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ มีสีสันสดใสและกลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และเมืองนี้ยังมีธรรมชาติที่งดงามเพราะเป็นเมืองที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาทั้ง 7 ลูก
เมื่อพูดถึงเมืองทรอมโซ เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแสงเหนือ เพราะหากต้องการมาดูแสงเหนือกันแบบชัด ๆ ที่นอร์เวย์ ก็ต้องมาที่เมืองนี้เลย โดยที่ทรอมโซยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัย เพราะมีความโดดเด่นในเรื่องการวิจัยดาราศาสตร์ อีกทั้งที่นี่ก็ยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นที่อาศัยของชาวพื้นเมืองของสแกนดิเนเวีย หรือชาวชามี่อีกด้วย หากใครต้องการจะไปดูกวางเรนเดียร์แบบใกล้ชิด ที่นี่ก็มีกวางเรนเดียร์ที่ชาวชามี่เลี้ยงเอาไว้อยู่ สามารถเดินทางไปชมกันได้เลย
โบสถ์ไม้เป็นโบสถ์ประเภทหนึ่งที่มักจะพบกันได้ในยุโรปเหนือ เพราะในบริเวณนี้มีสถาปัตยกรรมที่สร้างจากไม้เป็นหลัก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าไม้ ซึ่งโบสถ์ไม้อูร์เนส เป็นมรดกโลกที่เก่าแก่หลายร้อยปี ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันน่าทึ่งทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า และฟยอร์ด ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมแบบนอร์เวย์ดั้งเดิม พร้อมทั้งผสมผสานกับศิลปะแบบเซลดิกและโรมานเนสก์ ซึ่งมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก
โบสถ์ยุคกลางที่มีความสำคัญที่สุด และใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ โดยตั้งอยู่ใจกลางเมืองทรอนด์ไฮม์ ซึ่ง เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ.1004 เสร็จในปี ค.ศ.1012 ซึ่งสร้างขึ้นบนที่ฝังพระศพของกษัตริย์โอลาฟที่ 2 โบสถ์แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก โดยมีความโดดเด่นด้วยลวดลายหน้าโบสถ์ที่มีความตระการตา โดยยังได้กลายเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญของกษัตริย์ เช่นพิธีถวายพรกษัตริย์พระองค์ใหม่
หากใครที่ชอบในเรื่องของประวัติศาสตร์จะต้องชื่นชอบที่แห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะที่นี่ได้มีการจัดแสดงเรือไวกิ้ง พร้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาวไวกิ้ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของผู้คนในแถบสแกนดิเนเวีย โดยที่นี่มีเรือไวกิ้งโบราณทั้งหมด 3 ลำที่มีการขุดค้นพบ ซึ่งนอกจากเรือแล้ว ก็ยังมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกายของชาวไวกิ้ง เช่น ถังไม้ รองเท้า หมวก เป็นต้น
นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงมาก ซึ่งก็แลกมากับสวัสดิการดี ๆ แก่คนในประเทศ หากคนที่ไปท่องเที่ยวก็ต้องเตรียมเงินไปให้พร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายให้ดี
สำหรับเรื่องของอาหารในนอร์เวย์ ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของเมนูปลา โดยเฉพาะกับเมนูปลาค็อด และปลาแซลมอน อีกทั้งยังรวมถึงอาหารทะเลอื่น ๆ และยังมีให้คุณได้ลองกินเนื้อกวางเรนเดียร์อีกด้วย
สำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่จะมีทั้งการเดินทางด้วยรถบัส รถราง และรถไฟ รวมถึงยังมีแท็กซี่ให้บริการ สำหรับใครที่อยากจะขับรถเที่ยวเอง ที่นี่ก็ยังขับขี่ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
ติดต่อเรา
ทัวร์ต่างประเทศ
จองทัวร์