ตำนานแดร็กคูล่าของโรมาเนียถือว่าเป็นตำนานอันเลื่องชื่อ ที่ถึงแม้ว่าผีดูดเลือดนั้นจะไม่ได้มีอยู่จริง และเป็นเรื่องแต่งจากนักเขียนนวนิยายบราม สโตกเกอร์ แต่แดร็กคูล่าก็ได้แรงบันดาลใจมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์ของโรมาเนียที่มีชื่อว่าวลาด ธีปส์ แดร็กคิวล่า (Vlad Tepes Dracula) ซึ่งเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องของความโหดเหี้ยม ทั้งในเรื่องของการทรมานนักโทษ หรือเชลยศึก โดยนวนิยายเรื่องแดร็กคูล่าก็ทำให้ปราสาทต่าง ๆ ในโรมาเนียได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว และกลายเป็นจุดขายทัวร์โรมาเนีย ที่สุด โดยมีปราสาทที่ได้รับความนิยมในการไปเยือนดังนี้
ปราสาทบราน หรือปราสาทแดร็กคูล่า เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของการมาเยือนโรมาเนีย ที่นี่คือปราสาทหินที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงในเขตเมืองบราน โดยรูปแบบของปราสาทเป็นสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะแบบยุคกลาง โดยภายในปราสาทนั้นค่อนข้างมืด บรรยากาศรอบ ๆ ก็เป็นป่าที่มีต้นไม่สีเขียวอยู่เต็มไปหมด สร้างความลึกลับให้แก่ที่แห่งนี้ และยังสร้างความโดดเด่นให้กับปราสาทสูงที่มีสีขาวหม่นอีกด้วย
ปราสาทในสไตล์โกธิกแท้ ๆ ที่มีความงดงามที่สุดในโรมาเนีย ที่นี่เป็นปราสาทของจักรพรรดิซีกิสมุนท์แห่งจักรวรรดิโรมัน สร้างขึ้นในปี 1446 เพื่อใช้เป็นป้อมปราการในการป้องกันศัตรู ด้วยความสวยงาม และความลึกลับทำให้ที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมความงามได้ทุกส่วนของปราสาทแห่งนี้
ปราสาทที่ตั้งอยู่กลางป่าสนในหุบเขาบูเซกิ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่มีความงดงามมากที่สุดในโรมาเนีย ด้วยมีการผสมผสานกับสถาปัตยกรรมหลากหลายรูปแบบ โดยได้รับมาจากสไตล์นีโอเรเนซองส์ของเยอรมนีมากที่สุด และที่นี่ยังเป็นสถานที่รวบรวมศิลปะจากยุโรปไว้มากมาย ภายในปราสาทนั้นมีห้องต่าง ๆ มากถึง 168 ห้อง แต่จะมีเพียงบางห้องเท่านั้นที่นักท่องเที่ยวเข้าไปรับชมได้
อีกปราสาทหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับปราสาทเปเลส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทแห่งนี้เลยก็ว่าได้ แต่รูปแบบของสถาปัตยกรรมนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยปราสาทเพลิซอร์เป็นปราสาทขนาดไม่ใหญ่มาก สร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1899-1902 เป็นสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว ตกแต่งด้วยไม้โอ๊คและเพดานแก้ว
ปราสาทแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และยังมีความเก่าแก่ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1211 โดยสร้างขึ้นจากโครงสร้างที่เป็นหิน อิฐ และไม้ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ซึ่งเป็นจุดที่เป็นยุทธศาสตร์ที่ดีในการป้องกันผู้รุกราน โดยในปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ชั้นดี
ภาษาราชการคือภาษาโรมาเนียน ส่วนในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ผู้คนจำนวนมากใช้ภาษาอังกฤษกันได้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเดือนเมษายน ถึงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะมีอากาศที่อบอุ่น แต่ไม่ร้อนเกินไป
สำหรับการเดินทางในเมืองบูคาเรสต์มีระบบรถไฟใต้ดินที่สามารถเดินทางได้ง่าย ส่วนเมืองอื่น ๆ ยังมีรถประจำทาง และรถรางให้บริการ
ติดต่อเรา
ทัวร์ต่างประเทศ
จองทัวร์