เมื่อพูดถึงบัลแกเรีย หลาย ๆ คนจะนึกถึงอะไรกันเป็นอันดับแรก? สิ่งที่หลาย ๆ คนนึกถึงน่าจะเป็นอย่างเดียวกันแน่นอนนั่นก็คือโยเกิร์ตนั่นเอง ซึ่งนอกจากนี้แล้วเราก็ยังรู้เกี่ยวกับบัลแกเรียน้อยมาก ไม่รู้ว่านอกจากโยเกิร์ตแล้วที่นี่ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง แต่ขอบอกเลยว่าที่บัลแกเรียยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกเพียบ ทั้งธรรมชาติ บรรยากาศ ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ที่นี่ก็ไม่แพ้ใครเลย โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับประเทศบัลแกเรีย ทัวร์บัลแกเรีย พร้อมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของประเทศนี้
เริ่มกันที่บัลแกเรีย หรือสาธารณรัฐบัลแกเรีย เป็นประเทศที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ และมรดกทางวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน และยังมีธรรมชาติที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังมีแนวชายฝั่งที่ติดกับทะเลดำอีกด้วย บัลแกเรียถือเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีทั้งทุ่งหญ้าบนที่สูง ชายฝั่งทะเล และมีที่ราบ มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านระบบนิเวศสูง หากใครที่ชื่นชอบความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ บัลแกเรียก็เป็นตัวเลือกในการท่องเที่ยวที่ควรมาลองสักครั้ง
ทำไมบัลแกเรียถึงดังเรื่องโยเกิร์ต? นั่นก็เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของแบคทีเรียแลคโตบาซิลัส บัลแกริคัส (Lactobacillus bulgaricus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียสำหรับใช้ผลิตโยเกิร์ตแบบดั้งเดิม โดยที่นี่มีสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงแบคทีเรียชนิดนี้ จนมีการผลิตโยเกิร์ตกันมาอย่างยาวนานนั่นเอง ซึ่งชื่อของแบคทีเรียที่ใช้ในการทำโยเกิร์ตนั้นเป็นการค้นพบจากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวบัลแกเรีย เพื่อหาแบคทีเรียที่ให้ประโยชน์กับมนุษย์ ตามประวัติศาสตร์ของชาวบัลแกเรียว่ากันว่าโยเกิร์ตนั้นมีอายุมานานกว่า 4,000 ปี โดยชนเผ่าเร่ร่อนในประเทศบัลแกเรีย หรือชนเผ่าทราเซียน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวบัลแกเรียในปัจจุบันนี้ ซึ่งโยเกิร์ตแต่เดิมแล้วไม่ได้ทำจากนมวัวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีนมของสัตว์อื่น ๆ ที่มีการเลี้ยงไว้ เช่น นมแพะ ถึงแม้ในปัจจุบันนี้จะมีโยเกิร์ตหลาย ๆ รูปแบบ จากหลายประเทศ แต่โยเกิร์ตจากบัลแกเรียก็ถือว่าเป็นโยเกิร์ตที่มีความเป็นเอกลักษณ์ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส หากมีโอกาสไปท่องเที่ยวที่นี่ ก็ต้องไปลองรสชาติโยเกิร์ตแบบดั้งเดิมกันเลย
ทัวร์บัลแกเรียไม่ได้มีดีแค่โยเกิร์ตอร่อย เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแปลกตา ไปจนถึงความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกมากมาย รับรองว่าเที่ยวง่าย รับบรรยากาศดี ๆ ได้แบบเต็ม ๆ แน่นอน ซึ่งเรามีเมืองที่น่าท่องเที่ยวมาแนะนำดังนี้
ที่แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโซเฟีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงของบัลแกเรีย โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมคริสเตียนยุคแรกที่มีคุณค่ามากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง มีประวัติศาสตร์ว่ามีมาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 4 โดยภายในพื้นโบสถ์ปูด้วยพื้นโมเสก ที่มีความซับซ้อนตามแบบการตกแต่งแบบคริสเตียนในยุคแรก อีกทั้งใต้ดินและบริเวณโดยรอบของโบสถ์ยังมีการขุดพบสุสานเก่ามากมาย ซึ่งภายในก็มีจิตรกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
ที่นี่เป็นแหล่งมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของบัลแกเรีย ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 โดยนักบุญจอห์นแห่งบัลแกเรีย อารามแห่งนี้ถือเป็นอนุสรณ์สถานที่แสดงถึงความมั่งคั่งของบัลแกเรียในยุคนั้น ดูจากสถาปัตยกรรม จิตรกรรมต่าง ๆ ภายในที่มีความสวยงามตระการตา อีกทั้งรูปเคารพภายในอารามแห่งนี้ยังใหญ่ที่สุด และทำจากทองคำแท้ รวมถึงเป็นที่เก็บรวบรวมสมบัติที่มีคุณค่าอยู่มากมาย
เป็นอาสนวิหารของคริสตจักรนิกายออร์โธดอกซ์ โดยมีสถาปัตยกรรมแบบนีโอไบเซนไทน์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1882 ถูกออกแบบโดย Alexander Pomerantsev และมีการตกแต่งด้วยศิลปินหลาย ๆ เชื้อชาติ หลังคาเป็นโดมหัวหอมสีทอง มีไม้กางเขนประดับอยู่ด้านบน ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนหลากสี โดยครอบคลุมเนื้อที่กว่า 3,170 ตารางเมตร
โบสถ์รัสเซียเพียงแห่งเดียวในบัลแกเรีย ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนชาวรัสเซียในโซเฟีย โดยโบสถ์แห่งนี้ผู้ที่ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากคริสตจักรประจำเมืองคุสโกวิต ในรัสเซีย โดยหลังคาเป็นโดมหัวหอมสีทอง มีความโดดเด่นด้วยการใช้กระเบื้องหลากสี และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์
ป้อมปราการในยุคกลาง ที่ตั้งอยู่บนตั้งอยู่บนเทือกเขาเวลิโก ทาร์โนโว ที่นี่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก อดีตยังเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ โดยที่ป้อมแห่งนี้ถือว่าเป็นป้อมปราการที่มีความแข็งแรง และหนาแน่นมากที่สุดในตอนนั้น ส่วนในปัจจุบันนี้ป้อมก็ถูกบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อยู่ในลักษณะที่ค่อนข้างสมบูรณ์ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด
อาสนวิหารที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในวาร์นา เป็นอาสนวิหารออร์โธดอกซ์ที่โด่งดังที่สุดของบัลแกเรีย โดยมีการก่อสร้างในช่วงปี ค.ศ.1882-1886 มีการก่อสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไบเซนไทน์ ซึ่งสถาปนิกที่ควบคุมการสร้าง เป็นคนเดียวกับที่สร้างโบสถ์แห่งหยดเลือดในรัสเซีย โดยอาสนวิหารแห่งนี้ตามบานหน้าต่างยังมีการตกแต่งด้วยกระจกสีที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
โรงละครโรมันเก่าแก่ที่ว่ากันว่าถูกสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โรงละครแห่งนี้เพิ่งถูกค้นพบในช่วงต้นทศวรรษ 1970 เนื่องจากเกิดดินถล่ม ส่งผลให้ต้องขุดค้นทางโบราณคดีครั้งใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม มีเวทีที่ตกแต่งด้วยเสาหินแบบไอโอนิก และคอรินเทียน มีลานโล่งตรงกลาง และมีอัฒจันทร์ครึ่งวงกลมที่ใช้สำหรับนั่งดู ซึ่งก็มีความคล้ายกับโรงละครโรมันอื่น ๆ โดยที่แห่งนี้ยังได้ถูกอนุรักษ์เอาไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ทะเลสาบแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสำคัญ และมีความสวยงามที่สุดในบัลแกเรียเลยก็ว่าได้ หากใครที่ชื่นชอบการเดินเขา ชมธรรมชาติ รับรองว่าที่แห่งนี้คุ้มค่ากับการไปสัมผัสสักครั้ง ซึ่งแม้ที่แห่งนี้จะถูกเรียกรวมๆ กันว่าเซเว่นเลค แต่ก็ยังมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปในแต่ละทะเลสาบอีกด้วย โดยมีการตั้งตามรูปร่าง และเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมา
ถ้ำโพรโฮดาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยม ซึ่งดวงตาพระเจ้า เป็นถ้ำใต้ดินที่อยู่ในโลเวช เมืองทางตอนกลางไปทางเหนือของบัลแกเรีย โดยถ้ำนี้มีชื่อเสียงเพราะเพดานถ้ำมีรูสองรูเจาะลงมา ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับดวง 2 ข้าง จึงได้ชื่อเรียกว่า Eyes of God โดยการท่องเที่ยวในที่แห่งนี้ นักท่องเที่ยวนิยมมาปีนผาชมธรรมชาติกันเป็นจำนวนมาก
หนึ่งในถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบัลแกเรีย ถูกค้นพบในช่วงปี ค.ศ.1921 นอกจากความใหญ่โตอลังการของถ้ำแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก มีพืชพันธุ์หลายชนิดอยู่ในถ้ำ และยังมีสัตว์อีกหลายชนิดโดยเฉพาะค้างคาวอาศัยอยู่มากกว่า 30,000 ตัว นอกจากนี้มีการค้นพบหลักฐานว่าที่นี่เคยเป็นที่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ 70,000 ปีมาแล้ว และมีร่องรอยการพักอาศัยเรื่อยมาหลายช่วงเวลาในอดีต มีโบราณวัตถุมากมายถูกค้นพบในถ้ำแห่งนี้
ประเทศบัลแกเรียได้เข้าเป็นสมาชิกใหม่วีซ่าเชงเก้นในปี 2024 จึงสามารถใช้วีซ่าเชงเก้นในการเข้าประเทศได้ แต่ยังมีข้อจำกัดในพรมแดนอยู่บางส่วน
บัลแกเรียเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำ เมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศในยุโรป การไปท่องเที่ยวที่บัลแกเรียจึงไม่ได้มีราคาสูงเมื่อเทียบกับการไปประเทศอื่น ๆ
ภาษาที่ใช้ในบัลแกเรียคือภาษาบัลแกเรียน และใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง รวมทั้งยังมีการใช้ภาษาเยอรมัน และภาษารัสเซีย
ติดต่อเรา
ทัวร์ต่างประเทศ
จองทัวร์