เที่ยวสวิสออสเตรีย ทัวร์ 2 ประเทศ ชมความงามระดับพรีเมี่ยม

สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย เป็น 2 ประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตแอลป์ ทำให้ทั้ง 2 ประเทศมีความสวยงามทางธรรมชาติ ภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกันมาก แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียนั้นมีความแตกต่างกัน ทำให้หลาย ๆ คนมักไป เที่ยวสวิสออสเตรีย ควบคู่กันไป เพราะจะได้รับประสบการณ์หลาย ๆ รูปแบบในการท่องเที่ยว เพราะเมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ หลาย ๆ คนมักจะนึกถึงการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ การเดินเขา เที่ยวทะเลสาบ หรือการไปสกี ส่วนการท่องเที่ยวในออสเตรีย สถานที่ท่องเที่ยวจะเน้นไปทางศิลปะวัฒนธรรม ดนตรีคลาสสิก แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่บ้างเช่นกัน หากใครที่กำลังมองหาประเทศสำหรับการท่องเที่ยวยุโรป 2 ประเทศนี้ก็เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งจะมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ไปดูกันได้เลย

เดินทางท่อง เที่ยวสวิสออสเตรีย แนะนำเมืองน่าเที่ยว 2 ประเทศ

ทัวร์ยุโรป วางแผนท่องเที่ยวสวิสออสเตรีย ไปเที่ยวเมืองไหนดี? เพราะทั้งสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียนี้มีเมืองที่น่าสนใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอยู่หลายที่ ซึ่งจะมีเมืองไหน สถานที่ท่องเที่ยวใดกันบ้าง เราคัดเลือกมาแนะนำนักท่องเที่ยวทุกท่านดังนี้

เที่ยวสวิสออสเตรีย เซอร์แมท, สวิตเซอร์แลนด์

เมืองชนบทเล็ก ๆ ที่มีความงามของวิวทิวทัศน์ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งล้อมรอบไปด้วยภูเขามากมาย และตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการปีนเขาและสกีรีสอร์ท ซึ่งเมืองแห่งนี้มีการรักษาความสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้อย่างดี ทั้งการไม่อนุญาตให้ใช้รถยนต์ภายในเมือง เพื่อให้ที่นี่ปราศจากมลพิษ และนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างไม่ต้องกังวล ซึ่งมีสถานที่โดดเด่นที่ต้องไปเยี่ยมชมดังนี้

• ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ยอดเขาที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของโลก โดยการจะชมยอดเขาได้อย่างชัดเจนจากมุมที่ดีที่สุดต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์ไปที่สถานี Klein Matterhorn ซึ่งเป็นสถานีเคเบิ้ลคาร์ที่สูงที่สุดในยุโรป
• พระราชวังธารน้ำแข็ง (Glacier Palace) ถ้ำน้ำแข็งที่จุดชมวิวยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น ถ้ำน้ำแข็งอายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งมีประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็งสวยงามอยู่มากมาย
• ทะเลสาบริฟเฟิลเซ (Riffelsee) ทะเลสาบที่จะทำให้คุณได้เห็นยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นแบบกลับหัวสะท้อนบนน้ำใส ๆ ในทะเลสาบ เป็นอีกจุดชมวิวหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะสามารถดูได้เพียงไม่กี่ฤดู

ลูเซิร์น, สวิตเซอร์แลนด์

เมืองสวยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่ง เพราะเดินทางง่าย บรรยากาศดี โดยที่นี่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาปิลาตุส และภูเขาริกิ มีทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ และความสวยงามทางสถาปัตยกรรม รวมทั้งมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจดังนี้

• ทะเลสาบลูเซิร์น (Lake Lucerne) ทะเลสาบใจกลางเมืองลูเซิร์น ซึ่งมีความยาวกว่า 38 กิโลเมตร โดยทะเลสาบแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ของเทือกเขา และบ้านเรือนสีสันสวยงาม รูปทรงน่ารัก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือเพื่อชมความงามของทะเลสาบได้
• ภูเขาริกิ (Mount Rigi) ภูเขาแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งภูเขา ซึ่งสามารถเห้นวิวทิวทัศน์ของเมืองลูเซิร์น ทะเลสาบลูเซิร์น และเทือกเขาแอลป์กันได้อย่างรอบด้าน
• สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป โดยสะพานแห่งนี้เป็นสะพานเดินผ่านแม่น้ำรอยส์

อินเตอร์ลาเคน, สวิตเซอร์แลนด์

เมือง 2 ทะเลสาบ และทางขึ้นของยอดเขาจุงเฟรา เมืองแห่งนี้เป็นเมืองตากอากาศที่ได้รับความนิยมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพราะมีวิวทิวทัศน์สวยงาม และมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยที่นี่ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ซึ่งสถานที่แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองได้แก่

• ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ทะเลสาบที่ฟ้าอมเขียวมรกต เป็นประกายระยิบระยับใจกลางหุบเขา ซึ่งเป็นความงามเหนือคำบรรยาย และยังมีกิจกรรมมากมายให้ได้ทำที่นี่ เช่นการล่องเรือชมทะเลสาบ
• ทะเลสาบทูน (Lake Thun) หากไปทะเลสาบเบรียนซ์แล้วก็ต้องมาที่นี่ เพราะเป็นอีกหนึ่งทะเลสาบที่สวยงามไม่แพ้กัน กับน้ำสีฟ้าอมเขียว โดยจะนั่งเรือเที่ยวจากเมืองทูน หรือเมืองอินเตอร์ลาเคนก็ได้
• ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) ส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ ซึ่งมีความสูงถึง 4,158 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ยอดเขามีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ที่นี่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ และจุดมุ่งหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ซูริค, สวิตเซอร์แลนด์

เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และศูนย์กลางความเจริญหลาย ๆ อย่างภายในประเทศ โดยที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของมนต์เสน่ห์ของสถาปัตยกรรม ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจดังนี้

• ทะเลสาบซูริค (Lake Zurich) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยบ้านเมือง และวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ เป็นอีกเส้นทางในการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ และยังเป็นแลนด์มาร์กของเมืองที่เมื่อไปเยือนก็สามารถไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่นี่ได้
• พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Museum) สถานที่รวบรวมผลงานศิลปะ ของใช้โบราณ ที่สื่อถึงประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งมีมากกว่า 820,000 ชิ้น
• พิพิธภัณฑ์คุนสท์เฮ้าส์ (Kunsthaus) พิพิธภัณฑ์ศิลปะอันดับต้น ๆ ของยุโรป โดยเก็บรวบรวมงานของศิลปินเอกทั้งยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ โพสต์-อิมเพรสชั่นนิสม์ และศิลปะสมัยใหม่เอาไว้

เวียนนา, ออสเตรีย

เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นเมืองที่มีความสวยงาม และเป็นศูนย์กลางของหลาย ๆ ของในประเทศ โดยที่นี่มีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงความงามทางศิลปะ และประวัติศาตร์ความเป็นมาของออสเตรีย โดยมีสถานที่สำคัญดังนี้

• พระราชวังเชิร์นบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โรโคโค่ ตกแต่งภายในอย่างหรูหรา นอกจากนี้สวนภายนอกก็ยังสวยงาม ตกแต่งด้วยสไตล์บาโรก
• พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace) พระราชวังเก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยประกอบด้วยอาคาร 18 ส่วน และมีห้องมากกว่า 2,000 ห้อง โดยปัจจุบันนี้มีส่วนพิพิธภัณฑ์ให้สามารถเข้าชม
• หอสมุดแห่งชาติออสเตรีย (Austrian National Library) หอสมุดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรก และมีหนังสือมากกว่า 200,000 เล่ม เป็นห้องสมุดที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่ง

ซาลซ์บูร์ก, ออสเตรีย

เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นบ้านเกิดของโมซาร์ทกวีเอกของโลก ซึ่งที่นี่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งดนตรี เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และความงดงามของธรรมชาติ ซึ่งเมืองนี้ยังเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย โดยสถานที่สำคัญในเมืองนี้ได้แก่

• บ้านพักของโมสาร์ท (Mozart Residence) บ้านต้นกำเนิดของกวีเอกของโลก นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคคลาสสิก ซึ่งที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของใช้จากศตวรรษที่ 18 และจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของโมซาร์ทในวัยเด็ก
• มหาวิหารซาลซ์บูร์ก (Salzburg Cathedral) มหาวิหารสไตล์บาโรกที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่ภายนอกว่าสวยงามแล้ว ภายในนั้นยิ่งสวยงามยิ่งกว่า ที่นี่ยังโดดเด่นไปด้วยหอระฆังทั้ง 7
• สวนมิราเบล (Mirabell Garden) สวนแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังมิราเบล เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกที่มีดอกไม้ประดับประดาอยู่เต็มทุกพื้นที่

อินซ์บรูค, ออสเตรีย

เมืองหลวงของเทือกเขาแอลป์ เพราะเป็นจุดพักระหว่างการเดินทางไปยังเทือกเขาแอลป์ ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมอันงดงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยไม่แพ้กัน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจดังนี้

• อาคารหลังคาทองคำ (The Golden Roof Museum) อาคารสไตล์โกธิกผสมบาโรกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเป็นการเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสครั้งที่ 2 ของจักรพรรดิแม็กซิมิเลียนที่ 1 หลังคาที่ยื่นออกจากระเบียงตกแต่งด้วยทองคำแท้
• อาคารสีลูกกวาด (Candy House) บ้านเรือนริมแม่น้ำอิน กลุ่มอาคารสีพาสเทลที่ตั้งเรียงกันริมแม่น้ำ มีวิวเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง ซึ่งมีความสวยงาม และเป็นจุดแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดการมาเยือน
• ประตูชัยอินซ์บรูค (Triumphal Arch) ประตูชัยที่สร้างด้วยหินแบบโรมัน ถูกสร้างโดยคำสั่งของพระนางมาเรีย เทเรซ่า จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในช่วงศตวรรษที่ 18

เที่ยวสวิสออสเตรีย ฮัลล์สตัทท์, ออสเตรีย

เมืองริมทะเลสาบที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ที่เรียกว่าสวยที่สุดในโลก ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติก และบรรยากาศที่สงบ ด้วยเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง มีทะเลสาบ ซึ่งเหมาะสำหรับการพักผ่อนด้วยบรรยากาศเงียบสงบ ซึ่งมีสถานที่น่าสนใจดังนี้

• เหมืองเกลือโบราณ (Hallstatt Salt Mine) เหมืองเกลืออายุกว่า 7,000 ปี โดยในอดีตเกลือถือเป็นของที่มีค่าอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการผลิตเกลือจากเหมืองนี้อยู่ และสามารถเข้าไปชมเหมืองแห่งนี้ได้
• พิพิธภัณฑ์ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt World Cultural Heritage Museum) พิพิธภัณฑ์มรดกโลกที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และสภาพสิ่งแวดล้อมเมื่อ 7,000 ปีก่อน ที่มีการทำเหมืองเกลือขึ้นมา
• อาคารเก็บกะโหลก (Bone House) อาคารที่เก็บรวบรวมกะโหลกของผู้เสียชีวิตในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ซึ่งมีการเขียนชื่อ วาดลวดลายที่สวยความบนกะโหลก โดยที่แห่งนี้เป็นพิธีกรรมสมัยเก่าเพื่อระลึกถึงผู้ที่จากไป

สรุป

การเดินทางไปเที่ยวสวิสออสเตรียมีข้อดีมากมาย และ 2 ประเทศนี้เป็นประเทศที่น่าสนใจของการมาท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในด้านธรรมชาติที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียอยู่ในบริเวณเทือกเขาแอลป์ โดยเฉพาะสวิสที่ธรรมชาตินั้นงดงาม เต็มไปด้วยภูเขา ทะเลสาบ ส่วนออสเตรียนั้นธรรมชาติก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน และยังมีศิลปวัฒนธรรมที่รุ่มรวย และยังเป็นศูนย์กลางของดนตรีคลาสสิก ผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ กันอย่างลงตัว โดยทั้ง 2 ประเทศนั้นเดินทางสะดวก ปลอดภัย จนอยากให้ทุกท่านได้ลองไปสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ กันดูสักครั้ง