การไปเที่ยวต่างประเทศ เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ประเทศใดก็ตาม นอกจากจะเห็นบ้านเมืองที่แปลกตาจากที่เคยเห็นกันอยู่ทุกวันแล้ว ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ในพื้นที่นั้น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะการไปเที่ยวยุโรป เที่ยวอิตาลีเดือนตุลาคม เป็นอีกช่วงเวลาที่ที่ดีในการท่องเที่ยว เพราะตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทำให้มีอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส ซึ่งภูมิภาคทางเหนือของอิตาลีจะมีความหนาวเย็นมากกว่าภูมิภาคทางใต้ อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นเท่าในช่วงฤดูร้อน ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนมากมายอีกด้วย รับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ในการท่องเที่ยวอิตาลีอย่างเต็มรูปแบบ ที่ทั้งสนุก และสร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืม
เทศกาลในช่วงเดือนตุลาคม เที่ยวอิตาลีเดือนตุลาคม กิจกรรมมากมาย
ในช่วงเดือนตุลาคม ที่ประเทศอิตาลีนั้นเต็มไปด้วยเทศกาลมากมาย และมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้เข้าร่วมกันอีกเพียบ โดยแต่ละเทศกาล แต่ละกิจกรรม ยังสะท้อนวัฒนธรรมทั้งในด้านอาหาร และประเพณีท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เที่ยวอิตาลีเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวในอิตาลี คุณจะได้พบกับเทศกาลที่เกี่ยวกับอาหารและผลผลิตอีกมากมายด้วย โดยมีเทศกาลและกิจกรรมดังนี้
- เทศกาลเห็ดทรัฟเฟิล (Truffle Festivals)
เทศกาลเห็ดทรัฟเฟิลขาวในเมืองเมืองอัลบา (Alba) ถือเป็นเทศกาลเห็ดทรัฟเฟิลที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงระดับโลก ที่นี่คุณสามารถลองเห็ดทรัฟเฟิลขาวและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากทรัฟเฟิล และยังไปดูการตามล่าเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยภายในเทศกาลก็ยังมีกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ อีกมากมายให้ได้ร่วมสนุกกัน
- เทศกาลเกาลัด (Chestnut Festivals)
เกาลัดถือเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง ในหลายเมืองเล็ก ๆ ทั่วอิตาลี โดยเฉพาะในแคว้นทัสคานีและแคว้นลาซิโอ จะมีงานเทศกาลเกาลัดที่คุณสามารถลองเกาลัดคั่วและขนมหวานที่ทำจากเกาลัดกันได้
- เทศกาลไวน์ (Wine Harvest Festivals)
เทศกาลไวน์ หรือเทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นมีการจัดขึ้นในหลายแคว้น เช่น ทัสคานีและซิซิลี เป็นการจัดงานเฉลิมฉลองฤดูเก็บเกี่ยวองุ่น มีการลองไวน์ท้องถิ่นและอาหารพื้นเมือง โดยมีการจัดขึ้นในทุก ๆ ปี ดึงดูดให้ผู้คนจากหลาย ๆ ภูมิภาคได้มาลิ้มลองไวน์ประจำท้องถิ่น
นอกจากการเข้าร่วมเทศกาลต่าง ๆ แล้ว การเดินป่าและสำรวจธรรมชาติ ช่วงเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี โดยเฉพาะในแคว้นทัสคานีและโดโลไมท์ การเดินป่าหรือปั่นจักรยานท่ามกลางวิวธรรมชาติที่งดงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ร่วมทั้งการชมสวนองุ่นและไร่ไวน์ หลายไร่ไวน์ในทัสคานีและแคว้นปีเอมอนเตเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม และบางแห่งมีการจัดชิมไวน์ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนในช่วงนี้เลย
3 เมืองหลัก เที่ยวอิตาลีเดือนตุลาคม ท่องไปในโรม ฟลอเรนซ์ และเวนิส
สำหรับการท่องเที่ยวอิตาลีนั้นมีหลายเมืองให้ได้ท่องเที่ยวกัน และสามารถท่องเที่ยวกันได้ทุกช่วงเวลาของปี โดยการเที่ยวอิตาลีเดือนตุลาคม ก็เที่ยวกันได้หลายรูปแบบ ซึ่งมีทั้งการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติ สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวอิตาลีกันอยู่ 3 เมืองหลักที่หลาย ๆ คนต้องรู้จัก และเมื่อไปอิตาลีต้องห้ามพลาด ได้แก่ โรม ฟลอเรนซ์ และเวนิส ซึ่งแต่ละเมืองมีแลนด์มาร์กที่น่าเที่ยวกันดังนี้
โรม (Rome)
เมืองหลวงของอิตาลีที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง โดยยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี รวมทั้งมีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 4 ล้านคนด้วยกัน โดยกรุงโรมมีประวัติยาวนานกว่า 2,700 ปี เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมัน ผู้วางรากฐานของอารยธรรมตะวันตก ทำให้มีงานสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ให้ได้ดูกันมากมาย โดยมีแลนด์มาร์กสำคัญ เช่น
- โคลอสเซียม (Colosseum): สนามกีฬายุคโรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงโรม โดยควรซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิวยาว
- นครวาติกัน (Vatican City): เยี่ยมชม มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) และ พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ที่มีผลงานของไมเคิลแองเจโล
- น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain): น้ำพุที่งดงามและมีตำนานว่าหากโยนเหรียญลงไป คุณจะได้กลับมาโรมอีกครั้ง
- บันไดสเปน (Spanish Steps): จุดนั่งเล่นและถ่ายรูปที่สวยงาม ท่ามกลางร้านค้าและคาเฟ่
- โรมันฟอรั่ม (Roman Forum): ซากปรักหักพังของเมืองเก่าโรม ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการปกครอง
ฟลอเรนซ์ (Florence)
เปรียบเสมือนเมืองหลวงของแคว้นทัสคานี โดยเป็นเมืองศิลปะและสถาปัตยกรรมแห่งยุคเรเนซองส์ เป็นอีกเมืองที่มีความยิ่งใหญ่ และความรุ่มรวยทางศิลปะมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่ก่อตั้งโดยชาวโรมัน 59 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนต่อมาจะได้รับการอุปถัมภ์จากตระกูลเมดิซี (Medici) ที่มีความร่ำรวย จึงได้มีการสร้างสิ่งต่าง ๆ ภายในเมืองที่มีความสวยงาม และได้มีการแพร่ความรู้หรือวิทยาการต่าง ๆ ออกไปจากที่นี่ โดยมีสถานที่สำคัญ เช่น
- มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence cathedral): สัญลักษณ์ของฟลอเรนซ์ ภายนอกอาคารสร้างด้วยหินอ่อน มีโดมใหญ่สีแดง โดยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
- หอศิลป์อุฟฟิซี่ (Uffizi Gallery): แหล่งรวบรวมงานศิลปะยุคเรเนซองส์จากศิลปินชื่อดัง เช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี และบอตติเชลลี
- สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio): สะพานเก่าแก่ที่รอดจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีร้านขายเครื่องประดับเรียงรายสองฝั่ง
- จัตุรัสซิญญอเรีย (Piazza della Signoria): ลานกลางเมืองที่มีประติมากรรมโดดเด่น เช่น รูปปั้นเดวิดจำลอง
- หอระฆังจ็อตโต้ (Giotto’s Campanile): หอระฆังที่สามารถปีนขึ้นไปชมวิวเมืองได้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิก
เวนิส (Venice)
เมืองแห่งสายน้ำที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เมืองที่ใคร ๆ ก็ต้องบอกว่าเป็นเมืองที่มีความโรแมนติก ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักหลาย ๆ คู่ที่ต้องการมาฮันนีมูน โดยเมืองแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของอิตาลีอีกด้วย ซึ่งเวนิสนั้นเต็มไปด้วยคลองเล็กคลองน้อยมากมาย ที่พื้นที่ถูกเชื่อมกันด้วยสะพานกว่า 400 สะพานด้วยกัน ทำให้การสัญจรภายในเวนิสจะเป็นการเดิน จักรยาน และการใช้เรือเป็นหลัก เป็นเมืองท่องเที่ยวที่หากคุณไปอิตาลีจะต้องลองไปสัมผัสประสบการณ์ที่นี่กันดูสักครั้ง ซึ่งมีสถานที่สำคัญของเมือง ได้แก่
- จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco): ศูนย์กลางของเวนิส ที่ล้อมรอบด้วย มหาวิหารซานมาร์โค (St. Mark’s Basilica) และหอระฆัง
- คลองแกรนด์คาแนล (Grand Canal): คลองหลักของเมืองเวนิสที่เหมาะสำหรับการล่องเรือกอนโดลา
- สะพานริอัลโต (Rialto Bridge): สะพานเก่าแก่ที่สุดในเมืองเวนิส ที่มีวิวคลองและตลาดท้องถิ่น
- พระราชวังดอจ (Doge’s Palace): พระราชวังสไตล์โกธิกที่เป็นศูนย์กลางอำนาจของเวนิสในอดีต
- สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs): สะพานเล็ก ๆ ที่มีเรื่องเล่าว่านักโทษจะถอนหายใจก่อนถูกคุมตัวไปยังเรือนจำ
สรุป
เดือนตุลาคมในอิตาลีเป็นช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยกิจกรรม หากคุณอยากไปท่องเที่ยวอิตาลีเดือนตุลาคม อยากพักผ่อนในบรรยากาศสบาย ๆ ผู้คนไม่เบียดเสียดเท่าในช่วงไฮซีซั่น ช่วงฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามในการท่องเที่ยวอิตาลีเลย เพราะอากาศที่นี่เย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ยิ่งหากใครที่สนใจในเรื่องของวัฒนธรรม หรืออาหาร ช่วงฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยวแบบนี้ก็ทำให้คุณได้ลิ้มรสอาหารแบบท้องถิ่นกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ รับรองความประทับใจในทุก ๆ ด้านเลย