เยอรมัน หรือเยอรมนี เป็นประเทศในยุโรปที่มีทั้งความสวยงามของสถานที่ และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน จนมาถึงช่วงสงครามโลก ทำให้ ที่ท่องเที่ยวเยอรมัน มีทั้งการท่องเที่ยวในเชิงศึกษาประวัติศาสตร์ ทัวร์ยุโรป ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ หรือไปท่องเที่ยวชมความงามทางสถาปัตยกรรมของบ้านเมือง ปราสาทต่าง ๆ ที่เป็นต้นแบบของปราสาทในเทพนิยาย ใครที่ได้มาท่องเที่ยวที่นี่รับรองว่าจะต้องหลงรักแน่นอน โดยเยอรมนีมีเมืองที่น่าเที่ยวกันอยู่มากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นชื่อเมืองเหล่านี้ เช่น เบอร์ลิน มิวนิก แฟรงก์เฟิร์ต โคโลญ เป็นต้น หากใครที่กำลังวางแผนไปท่องเที่ยวเยอรมนี ต้องห้ามพลาดการท่องเที่ยวในเมืองเหล่านี้เลย ซึ่งนอกจากความสวยงามของเมือง และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวที่เยอรมนี ก็ยังมีเทศกาล “Oktoberfest” เทศกาลกินเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ในเทศกาล และลิ้มรสชาติเบียร์เยอรมันแท้ ๆ ซึ่งไม่ว่าจะมาเที่ยวเยอรมนีเพราะอะไร ที่นี่สร้างความประทับใจให้คุณได้แน่นอน
ที่ท่องเที่ยวเยอรมัน เที่ยวช่วงไหน ก็สนุกได้ทุกฤดู
เมื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศในยุโรป คำถามที่นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนมีคือควรจะไปท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลใดดี? สำหรับการท่องเที่ยวเยอรมนี จะเที่ยวฤดูไหนก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป และที่ท่องเที่ยวเยอรมัน ก็มีความหลากหลาย เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในทุกฤดู ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การท่องเที่ยวของแต่ละคน โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยือนประเทศเยอรมนี อยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนกันยายน โดยเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันระหว่างฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน เป็นช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่น ไม่หนาวจนเกินไป อาจมีฝนตกเป็นบางช่วง แต่ก็มีกลางวันยาวนาน ทำให้สามารถท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และในเดือนกันยายนยังเป็นช่วงเวลาที่มีการจัดเทศกาล Oktoberfest ยาวไปถึงเดือนตุลาคม แต่สำหรับใครที่อยากจะมาดูบรรยากาศของคริสต์มาส ก็ต้องมาในช่วงก่อนคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ หรือใครอยากมาเล่นสกีบนเทือกเขาแอลป์ ก็ต้องมาในช่วงฤดูหนาวเลย
รวม 10 ที่ท่องเที่ยวเยอรมันไปเที่ยวทั้งทีต้องห้ามพลาดเช็กอินที่นี่
มาเยือนเยอรมนีทั้งที หากมีเวลาเพียงพอ ได้ไปเที่ยวหลาย ๆ เมือง ก็ควรจะไป 10 ที่ท่องเที่ยวเยอรมัน แลนด์มาร์กสำคัญของเยอรมนีให้ครบ สถานที่เหล่านี้ถือว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนที่มาเยือนเยอรมนีอีกด้วย โดยมีสถานที่แนะนำดังนี้
1. ที่ท่องเที่ยวเยอรมัน ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)
ปราสาทที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ซึ่งถือเป็นปราสาทที่มีความงดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง โดยยังได้เป็นปราสาทต้นแบบของเทพนิยายหลาย ๆ เรื่อง เช่น เจ้าหญิงนิทรา โดยเป็นปราสาทในรูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอโกธิก ผสมผสานกับยุคกลาง ออกแบบโดยคริสเตียน แยงค์ สร้างขึ้นในช่วงปี 1845 โดยภายในปราสาทก็มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ทั้งภาพวาด และเฟอร์นิเจอร์ โดยช่วงที่ผู้คนมักไปเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน ไปจนถึงพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้เห็นปราสาทสีขาวท่ามกลางใบไม้สีเหลือง ส้ม แดง น้ำตาลสลับกันไป
2. ที่ท่องเที่ยวเยอรมัน ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle)
ปราสาทหินทรายสีแดงที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถมองเห็นได้ไกล ๆ โดยปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1196 โดยสร้างมาเป็นปราสาทขนาดไม่ใหญ่มาก และหลังจากนั้นก็ได้มีการต่อเติมเรื่อย ๆ จนเป็นปราสาทในแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้ ซึ่งก่อนหน้าที่นี้ก็ได้มีการถูกทำลาย ถูกทิ้งร้าง และได้มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่อยู่หลายครั้ง จนได้มีการฟื้นฟูขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แม้ในปัจจุบันปราสาทแห่งนี้จะไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด แต่ก็ยังคงเห็นความงามและคุณค่าท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่ของเนินเขา
3. พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace)
พระราชวังที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งในสไตล์ฝรั่งเศสและอังกฤษ แต่เดิมเป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์บาวาเรีย ถูกสร้างขึ้นในปี 1662 โดยในพระราชวังแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ พระราชวังและพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์เครื่องลายคราม และสวนของพระราชวัง ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมงานศิลป์ที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในยุโรป และยังมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับราชวงศ์บาวาเรียมาอย่างยาวนาน ทำให้ที่นี่เป็นอีกสถานที่สำคัญที่ควรมาเยี่ยมชมเมื่อมาท่องเที่ยวที่เยอรมนี หรือเมืองมิวนิก
4. พระราชวังซวิงเกอร์ (Zwinger Palace)
พระราชวังเก่าแก่ในสไตล์สถาปัตยกรรมบาโรก สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยพระราชวังแห่งนี้มีการออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซายในฝรั่งเศส ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นพระราชวังอีกแห่งหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ และสวยงาม โดยพระราชวังแห่งนี้ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ตัวพระราชวังเกิดความเสียหาย ส่วนผลงานจิตรกรรมที่อยู่ภายในพระราชวังได้ถูกขนย้ายออกมาก่อน ทำให้ไม่มีความเสียหาย ซึ่งเวลาต่อมาได้มีการบูรณะตัวพระราชวังขึ้น ทำให้ที่นี่กลับมาสวยงามอีกครั้ง
5. พระราชวังซ็องซูซี (Sanssouci Palace)
อดีตพระราชวังฤดูร้อน ที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์โรโคโค่ ซึ่งเป็นอาคารสีเหลือง ตั้งอยู่บนเนินที่ไล่ระดับขึ้นไป โดยเป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ประทับพักผ่อนส่วนพระองค์ของพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ชื่อของพระราชวังแห่งนี้เป็นชื่อจากภาษาฝรั่งเศส โดยมีความหมายว่าไร้กังวล หรือไกลกังวล ซึ่งเป็นชื่อที่เน้นให้เห็นว่าที่นี่เป็นที่สำหรับการมาพักผ่อนที่แท้จริง ซึ่งที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1990
6. มหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิว (St. Bartholomew’s Cathedral)
มหาวิหารในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก โดยมีความสูงถึง 95 เมตร และเคยได้เป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดในเมืองแฟรงก์เฟิร์ตอีกด้วย แต่เมื่อมีการพัฒนาเมืองเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ทำให้ไม่ได้เป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดอีกต่อไป โดยโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 เพื่ออุทิศแด่นักบุญบาร์โธโลมิว ซึ่งแต่เดิมเป้นสถาปัตยกรรมโกธิก ก่อนจะได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์นีโอโกธิก แต่เมื่อในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ถูกความเสียหายอีกครั้ง ทำให้ต้องมีการซ่อมแซม และกลายเป็นโบสถ์ที่เห็นดังปัจจุบัน
7. มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)
มหาวิหารสไตล์โกธิก สร้างขึ้นในปี 1248 แต่ระหว่างการก่อสร้างนั้นก็มีการหยุดชะงัก ไม่ได้สร้างอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมีการสร้างต่อในปี 1520 และแล้วเสร็จในปี 1880 ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 600 ปี โดยความใหญ่โตของมหาวิหารแห่งนี้ก็คือตัววิหารมีความสูงประมาณ 157 เมตร กว้าง 86 เมตร และยาว 144 เมตร ซึ่งสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกมีความวิจิตรงดงาม มีรายละเอียดของลวดลายตามแบบโกธิก อีกทั้งยังมีการประดับดวยกระจกสีรอบวิหาร ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันไป เป็นแลนด์มาร์กสำคัญในเมืองโคโลญที่หากได้ไปเยือนที่เมืองนี้ ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
8. มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral)
มหาวิหารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมในสไตล์บาโรกและเรเนสซองส์ เป็นวิหารที่มียอดโดมสีฟ้า 3 ยอด โดยมีโดมขนาดใหญ่ตรงกลาง ขนาบด้วยอีก 2 โดมเล็ก โดยสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดยได้รับการปรับเปลี่ยน ออกแบบใหม่อยู่หลายยุค และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วิหารแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงได้มีการซ่อมแซมขึ้นในปี 1975 แล้วเสร็จในปี 1993 โดยภายในโบสถ์นั้นยังประดับไปด้วยกระจกสี และประติมากรรมเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา ซึ่งภายในสามารถขึ้นไปชมเมืองเบอร์ลินได้ 360 องศา และยังมีสุสานใต้โบสถ์ของราชวงศ์ที่เก็บรักษาไว้กว่า 400 ปีให้ได้เข้าชม
9. กำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall)
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เยอรมนี หลักฐานชิ้นสำคัญที่หลงเหลือมาจากยุคสงครามเย็น ที่แบ่งเยอรมนีออกเป็น เยอรมันตะวันตก และ เยอรมันตะวันออก ในช่วงที่โซเวียตยังเรืองอำนาจ ด้วยการต่อสู่ทางอุดมการณ์ทางการเมือง จึงทำให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 1961 มาจนถึงปี 1989 โซเวียตได้เสื่อมอำนาจลง จึงได้มีการทำลายกำแพงเบอร์ลินเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นในปี 1990 เยอรมนีก็ได้กลับมารวมดินแดนทั้ง 2 ฝั่งเข้ากันอีกครั้ง โดยปัจจุบันกำแพงแห่งนี้เป็นซากปรักหักพังที่มีศิลปะ กราฟิตี้จากศิลปินต่าง ๆ เพื่อแสดงออกเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ และเป็นเครื่องเตือนใจถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากสงคราม และกลายเป็นจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเบอร์ลิน
10. ที่ท่องเที่ยวเยอรมัน ประตูบรันเดนบวร์ก (Brandenburg Gate)
แลนด์มาร์กขนาดใหญ่ใจกลางเบอร์ลินอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนอุนเทอร์ เดน ลินเดน กับถนนอีบัทสทราสเซ่ โดยเป็นสถาปัตยกรรมแบบกรีกโรมันโบราณ ออกแบบโดย คาร์ล ก็อทท์ฮาร์ด แลงฮานส์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากประตูเข้าสู่อะโครโปลิสที่กรุงเอเธนส์ โดยในช่วงที่เกิดการแบ่งแยกเยอรมนี ประตูแห่งนี้ได้อยู่ภายใต้เยอรมันตะวันออก ภายใต้การปกครองของโซเวียต ทำให้ไม่สามารถเข้ามาเยี่ยมชมประตูแห่งนี้ได้ และเมื่อมีการทำลายกำแพงเบอร์ลิน จึงมีการรวมตัวของประชาชนเพื่อเปิดประตูแห่งนี้อย่างเป็นทางการ และได้กลายเป็นสัญลักษณ์การรวมชาติของเบอร์ลิน
สรุป
เยอรมนีเป็นประเทศที่มีความสวยงาม และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายยุคหลายสมัย ที่ท่องเที่ยวเยอรมันก็มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งปราสาท พระราชวัง หรือโบสถ์ต่าง ๆ มีความสวยงามไม่แพ้กัน และยังรวมความงามของสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์กันออกไป ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใหม่มาเยือนกันสักครั้ง ไม่ว่าจะไปเที่ยวเยอรมนีกันในช่วงฤดูกาลใดก็ตาม ก็ได้รับความประทับใจจากการท่องเที่ยวกลับไปอย่างแน่นอน และที่เที่ยวในเยอรมนีก็ยังไม่หมดเพียงสถานที่ที่เราได้แนะนำทุกท่านกันในวันนี้ ยังมีอีกหลายสถานที่ให้ได้ไปเยือน หากมีโอกาสได้ไปเยอรมนี หรือกำลังวางแผนไปเที่ยวเยอรมนีกันอยู่ นอกจากไปเยือนสถานที่แลนด์มาร์กแล้ว ก็อย่าลืมไปสำรวจที่เที่ยวอื่น ๆ กันด้วย