ท่ามกลางขุนเขาแห่งทรานซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย มีปราสาทเก่าแก่ตั้งตระหง่านบนหน้าผาสูงชัน โอบล้อมด้วยป่าทึบและบรรยากาศลึกลับ นั่นคือ ปราสาทบราน (Bran Castle) หรือที่คนทั่วโลกขนานนามว่า ปราสาทแดร็กคูล่า ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ไม่เพียงเพราะสถาปัตยกรรมยุคกลางที่งดงาม แต่ยังเชื่อมโยงกับตำนานของแดร็กคูล่า แวมไพร์กระหายเลือดจากนิยายระดับตำนานของบราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) แม้ว่าในความเป็นจริง ปราสาทแห่งนี้อาจไม่ได้เป็นที่อยู่ของวลาดที่ 3 หรือวลาดจอมเสียบ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้แดร็กคูล่า แต่บรรยากาศลึกลับและเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และความลี้ลับที่ยากจะหาคำตอบ นอกจากตำนานที่เล่าขานกันมายาวนาน ปราสาทบรานยังมีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ สถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง และวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ชวนให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคอัศวินแห่งทรานซิลเวเนีย ด้วยการผสมผสานระหว่างความจริงทางประวัติศาสตร์และเรื่องแต่งเกี่ยวกับแวมไพร์ที่ทรงพลัง ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าค้นหา เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมยุคกลาง และเรื่องเล่าแห่งตำนานที่เชื่อมโยงกับความลึกลับของดินแดนทรานซิลเวเนีย
ที่มาของ Bran Castle ก่อนกลายเป็น ปราสาทแดร็กคูล่า
ปราสาทบราน (Bran Castle) ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 13 โดยภาคีอัศวินทิวทอนิก เพื่อใช้เป็นป้อมปราการปกป้องชายชายแดน ก่อนที่ในช่วงปี 1377-1388 พระเจ้าหลุยส์ที่ 1 แห่งฮังการี (King Louis I of Hungary) ได้เข้าปกครองในดินแดนแห่งนี้ และได้สั่งให้สร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นโครงสร้างที่เห็นกันในปัจจุบันนี้ และยังใช้เป็นด่านเก็บภาษีจากพ่อค้าที่เดินทางผ่านช่องเขาระหว่าง ทรานซิลเวเนียและวัลลาเคียซึ่งเป็นสองแคว้นสำคัญในยุโรปตะวันออก ในตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ปราสาทบรานมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการรุกรานและเป็นที่มั่นของกองทัพ ในช่วงศตวรรษที่ 15 มีเรื่องเล่าว่า วลาดที่ 3 หรือวลาดจอมเสียบ ผู้ปกครองแคว้นวัลลาเคียและเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครแดร็กคูล่า เคยถูกคุมขังในปราสาทแห่งนี้ช่วงสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยืนยันแน่ชัดว่าวลาดเคยใช้ปราสาทบรานเป็นที่พำนักถาวร
ในปี 1920 หลังจากโรมาเนียรวมแคว้นทรานซิลเวเนียเข้ามาในอาณาเขต สมเด็จพระราชินีมารีแห่งโรมาเนีย (Queen Marie of Romania) ได้รับปราสาทบรานเป็นของขวัญ และได้บูรณะปรับปรุงให้เป็นพระราชวังที่หรูหรา หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระนางในปี 1938 ปราสาทก็ตกเป็นมรดกของเจ้าหญิงอิเลียนา (Princess Ileana) พระธิดาของพระองค์ ก่อนที่ในปี 1948 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลคอมมิวนิสต์โรมาเนียได้ยึดปราสาท ซึ่งหลังจากการสิ้นสุดของระบบคอมมิวนิสต์ในโรมาเนีย ปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงว่าเป็นปราสาทแดร็กคูล่าจะไม่แน่ชัด แต่ความน่าเกรงขามของปราสาทที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ท่ามกลางหุบเขาลึกและป่าทึบของทรานซิลเวเนีย ทำให้ที่นี่ถูกเชื่อมโยงกับตำนานของแดร็กคูล่า และกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ไปเที่ยวที่ ปราสาทบราน ไปช่วงไหน ทำอะไรได้บ้าง?
การไปท่องเที่ยวปราสาทบราน สามารถไปได้ทุกช่วงฤดูกาล ซึ่งแต่ละฤดูก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการไปเที่ยวชมปราสาทที่อยู่าท่ามกลางธรรมชาติคือในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งมีใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้มีบรรยากาศสวยงามราวกับเทพนิยาย อีกทั้งในเดือนตุลาคม ยังเป็นช่วงฮาโลวีน ซึ่งที่ปราสาทจะมีการจัดงานพิเศษ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเรื่องลึกลับ หรือเรื่องราวสยองขวัญอีกด้วย นอกจากนี้แล้วที่ปราสาทยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำอีกมากมาย จะไปช่วงไหนก็ได้สัมผัสกับความลึกลับของที่นี่
- การเยี่ยมชมพร้อมไกด์ท้องถิ่น
การจองทัวร์นำเที่ยวโดยไกด์ท้องถิ่นจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ของคุณอย่างมาก ไกด์จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท รวมถึงเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจที่อาจไม่มีระบุในป้ายข้อมูลทั่วไป นอกจากนี้ไกด์ยังสามารถพาคุณไปยังจุดชมวิวพิเศษและห้องลับที่นักท่องเที่ยวทั่วไปอาจเข้าไม่ถึง - ทัวร์ชมพิพิธภัณฑ์
การเยี่ยมชมภายในปราสาทเป็นกิจกรรมหลักที่ไม่ควรพลาด คุณจะได้เดินสำรวจห้องต่าง ๆ กว่า 60 ห้อง แต่ละห้องจัดแสดงวัตถุโบราณและเครื่องเรือนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยเฉพาะห้องส่วนตัวของสมเด็จพระราชินีมารีแห่งโรมาเนียที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเครื่องแต่งกาย อาวุธโบราณ เฟอร์นิเจอร์จากยุคต่าง ๆ และเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตในอดีต - สำรวจห้องลับและอุโมงค์ใต้ดิน
ปราสาทมีระบบอุโมงค์และทางเดินลับที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นต่าง ๆ หนึ่งในไฮไลต์ของการเยี่ยมชมคือการสำรวจบันไดลับที่เชื่อมระหว่างชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สาม ความโค้งและความแคบของอุโมงค์เหล่านี้สร้างบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นและลึกลับ สอดคล้องกับตำนานเกี่ยวกับแดร็กคูล่า - เยี่ยมชมนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับแดร็กคูล่าและตำนานแวมไพร์
ภายในปราสาทมีนิทรรศการพิเศษที่อุทิศให้กับตำนานแวมไพร์และความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าชายวลาด เทเปส กับตัวละครเคานท์แดร็กคูล่า นิทรรศการนี้ยังนำเสนอรูปแบบวัฒนธรรมพื้นบ้านของโรมาเนียเกี่ยวกับภูตผีและสิ่งเหนือธรรมชาติอีกด้วย - ชมทิวทัศน์จากระเบียงปราสาท
เมื่อคุณขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของปราสาท อย่าลืมออกไปยังระเบียงเพื่อชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขาคาร์เพเธียนและหมู่บ้านบรานที่อยู่เบื้องล่าง ในวันที่อากาศดี คุณจะสามารถมองเห็นหุบเขาและภูเขา นี่เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
- เข้าร่วมกิจกรรมเทศกาลพิเศษ
ถ้าคุณมีโอกาสไปเยือนในช่วงเทศกาลพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฮาโลวีน คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศพิเศษเนื่องจากทางปราสาทมักจัดงานเฉลิมฉลองที่เกี่ยวข้องกับตำนานแดร็กคูล่า มีการแสดงละครเวที การแต่งตัวเป็นตัวละครในเรื่อง กิจกรรมเล่าเรื่องผี และงานปาร์ตี้ธีมแวมไพร์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถร่วมสนุกได้ - เยี่ยมชมตลาดสินค้าท้องถิ่นบริเวณเชิงเขา
บริเวณเชิงเขาด้านล่างของปราสาทมีตลาดขายสินค้าที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ที่นี่คุณสามารถซื้อของที่ระลึกเกี่ยวกับแดร็กคูล่า เครื่องประดับแบบโรมาเนีย งานฝีมือพื้นเมือง และผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่น เช่น น้ำผึ้ง ชีส และเหล้าองุ่นที่ผลิตในภูมิภาคนี้ - เดินเล่นในสวนหย่อมของพระราชินีมารี
สวนของพระราชินีมารีตั้งอยู่ติดกับปราสาท สวนแห่งนี้ได้รับการออกแบบตามรสนิยมของพระองค์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ภายในสวนมีดอกไม้หลากชนิด ทางเดินที่ร่มรื่น และซุ้มพักผ่อนที่สามารถนั่งชมวิวของปราสาทได้ - เดินเส้นทางธรรมชาติรอบปราสาท
นอกจากตัวปราสาทแล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นที่เริ่มต้นจากหมู่บ้านบรานและนำไปสู่จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นปราสาทจากมุมที่แตกต่างกัน การเดินป่าในเส้นทางเหล่านี้ให้โอกาสคุณในการสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาคาร์เพเธียนและถ่ายภาพปราสาทจากมุมมองที่แปลกตา
สรุป
ปราสาทบรานเป็นสถานที่ที่ควรไปเยือนหากเดินทางไปโรมาเนีย ไม่ใช่แค่เพราะตำนานแดร็กคูล่า แต่ยังมีความงดงามทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ใครที่ชอบบรรยากาศลึกลับของปราสาทที่รายล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ ทำให้มีบรรยากาศลึกลับและน่าหลงใหล หรืออยากสัมผัสยุโรปยุคกลาง ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนปราสาทแห่งนี้!
